ความแตกต่างเกรดของหนังวัวและวิธีการทดสอบ

หนังเป็นวัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำแฟชั่น เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์ เนื่องจากมีความทนทาน สวยงาม และใช้งานได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังชั้นบนนั้นขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพและอายุการใช้งาน อย่างไรก็ตาม หนังชั้นบนนั้นไม่ได้ถูกผลิตขึ้นมาเท่าเทียมกันทั้งหมด และยังมีเกรดและวิธีการทดสอบหลายแบบที่ต้องพิจารณาเมื่อประเมินคุณภาพ

วิธีการที่1

หนังชั้นบนเป็นหนังที่มีคุณภาพสูงเป็นอันดับสองรองจากหนังฟูลเกรน หนังชนิดนี้ทำโดยการลอกชั้นนอกสุดของหนังซึ่งโดยทั่วไปจะมีตำหนิออก จากนั้นจึงขัดและตกแต่งพื้นผิว ซึ่งจะทำให้ได้ลักษณะที่เรียบเนียนสม่ำเสมอและมีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนและคราบสกปรกน้อยกว่าหนังฟูลเกรน หนังชั้นบนยังมีความยืดหยุ่นและสวมใส่สบายกว่าหนังคุณภาพต่ำกว่าอีกด้วย

วิธีการที่2 วิธีที่ 3

หนังชั้นบนมีหลายเกรด ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพของหนังและวิธีการแปรรูปที่ใช้ เกรดสูงสุดเรียกว่า “หนังชั้นบนเต็ม” ซึ่งทำจากหนังคุณภาพสูงสุดและมีลวดลายของหนังที่สม่ำเสมอที่สุด เกรดนี้มักใช้สำหรับสินค้าหรูหรา เช่น แจ็คเก็ตหนังระดับไฮเอนด์และกระเป๋าถือ

วิธีการที่ 4

หนังเกรดถัดมาเรียกว่า “หนังชั้นบนที่ผ่านการปรับสภาพ” ซึ่งทำจากหนังที่มีตำหนิและข้อบกพร่องมากกว่า หนังที่มีตำหนิเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขโดยใช้กระบวนการขัดและปั๊ม ซึ่งจะทำให้ได้รูปลักษณ์ที่สม่ำเสมอมากขึ้น หนังเกรดนี้มักใช้สำหรับสินค้าหนังระดับกลาง เช่น รองเท้าและกระเป๋าสตางค์

วิธีการ5

หนังชั้นบนเกรดต่ำสุดเรียกว่า “หนังแยกชิ้น” ซึ่งทำจากชั้นล่างสุดของหนังหลังจากแยกชิ้นชั้นบนออกไปแล้ว หนังเกรดนี้มีลักษณะที่ไม่สม่ำเสมอมากนัก และมักใช้ทำสินค้าหนังราคาถูก เช่น เข็มขัดและเบาะนั่ง

วิธีการ6 วิธีการ7 วิธีการ8

 

มีวิธีการทดสอบหลายวิธีในการประเมินคุณภาพของหนังชั้นบน หนึ่งในวิธีการทดสอบที่พบบ่อยที่สุดคือ “การทดสอบรอยขีดข่วน” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขูดผิวของหนังด้วยวัตถุมีคมเพื่อดูว่าหนังเสียหายได้ง่ายเพียงใด หนังชั้นบนคุณภาพสูงควรมีความทนทานต่อรอยขีดข่วนสูงและไม่ควรแสดงความเสียหายที่สำคัญใดๆ

วิธีการ9

 

วิธีทดสอบอีกวิธีหนึ่งคือ “การทดสอบหยดน้ำ” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหยดน้ำเล็กๆ ลงบนพื้นผิวของหนังและสังเกตปฏิกิริยา หนังชั้นบนคุณภาพสูงควรดูดซับน้ำอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอ โดยไม่ทิ้งคราบหรือจุดใดๆ ไว้

วิธีการ10

สุดท้ายนี้ การทดสอบการเผาสามารถใช้เพื่อระบุความแท้ของหนังแท้ได้ โดยต้องเผาหนังชิ้นเล็กๆ แล้วสังเกตควันและกลิ่น หนังจริงจะมีกลิ่นเฉพาะตัวและมีขี้เถ้าสีขาว ในขณะที่หนังเทียมจะมีกลิ่นทางเคมีและมีขี้เถ้าสีดำ

วิธีการ11

สรุปได้ว่าหนังชั้นบนเป็นวัสดุคุณภาพสูงที่สามารถแบ่งเกรดได้ตามคุณภาพและวิธีการแปรรูป เพื่อประเมินคุณภาพ สามารถใช้การทดสอบต่างๆ ได้หลายวิธี เช่น การทดสอบรอยขีดข่วน การทดสอบหยดน้ำ และการทดสอบการเผาไหม้ เมื่อเข้าใจวิธีการแบ่งเกรดและการทดสอบเหล่านี้แล้ว ผู้บริโภคจะสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าที่ทำจากหนังชั้นบนได้อย่างชาญฉลาด

วิธีการ12


เวลาโพสต์ : 07 มี.ค. 2566